วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

WEEK 6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-Net คอม (5ข้อ)




สวัสดีครับ วีคที่ 6 นี้ เป็นวันดีที่เราจะลองทำข้อสอบสักนิดเพราะการสอบก็ใกล้เข้ามาแล้ว งั้นมาวิเคราะห์ข้อสอบโอเน็ตกันนะครับ


ถ้าพร้อมแล้ว. . .เรามาเริ่มกันเลยย

1.อุปกรณ์ชนิดใดใช้เทคโนโลยีจานแสง (Optical Technology)
1.เครื่องเล่นเทป (Tape player)
2.หน่วยขับซีดีรอม (CD-ROM drive)
3. หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash memory)
4. อุปกรณ์รับเข้าแบบจอสัมผัส (Touch screen)

อธิบาย
ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีจานแสง ได้แก่ หน่วยขับซีดีต่างๆ เช่น หน่วยขับซีดีรอม หน่วยขับซีดีอาร์ หน่วยขับจานวีดิทัศน์ ฯลฯ ซึ่งอ่านแผ่นซีดีที่บันทึกข้อมูลหนาแน่นสูงในรูปแบบหลุมจิ๋วจำนวนมาก โดยใช้ลำแสงเลเซอร์ส่องและสะท้อนกลับ อ่านหลุมบนซีดี

2.สื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลนคือข้อใด

1. สายคู่บิดเกลียว
2. สายโคแอกเชียล
3. สายเส้นใยนำแสง
4. สายโทรศัพท์

อธิบาย

สำหรับสายเชื่อมต่อหรือเราเรียกกันเป็นทางการว่า "สื่อกลางส่งข้อมูลแบบใช้สาย" ผมจะให้ข้อมูลแบบย่อๆ น่ะครับ ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเอาเองได้เลย





1.สายคู่บิดเกลียว จะเป็นสายที่ประกอบด้วยทองแดงหุ้มด้วยฉนวนป้องกันหลากสี และนำมาถักเป็นเกลียวคู่ ซึ่งมีด้วยกันสองแบบครับ คือ UTP และ STP ข้อดีข้อเสียคือ ราคาถูก, ง่ายต่อการใช้งาน แต่มีความเร็วจำกัด ใช้ได้กับระยะทางสั้นๆ เป็นต้น



2. สายโคแอกเซียล ลักษณะพิเศษคือจะมีตัวนำที่ทำด้วยทองแดงอยู่แกนกลาง ซึ่งจะถูกหุ้มด้วยพลายติก จากนั้นจะมีซีลด์ที่เป็นเส้นใยโลหะถักหุ้มอีกชั้น จึงเป็นสายที่ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี และสามารถเชื่อมต่อได้ในระยะไกลๆ ครับ




3. สายใยแก้วนำแสง หรือเราเรียกกันอีกแบบว่า ไฟเบอร์ออปติก เป็นสายที่โปร่งแสง มีรูปทรงกระบอก ขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์แต่มีขนาดเล็กกว่าโดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 125 ไมครอน ข้อดีคือมีแบนวิธที่สูงมาก เป็นอิสระทางไฟฟ้า ข้อเสียคือ เปราะบาง แตกหักง่าย และมีราคาแพง


3.ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้บนอุปกรณ์พกพาประเภท Smartphone
1. Unbuntu
2.IPhone OS
3.Android
4.Symbian

อธิบาย

1. อูบุนตู (Ubuntu) มีการเรียกว่า อูบันตู บ้าง) เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด
ซึ่งมีพื้นฐานบนลินุกซ์(แต่ในปัจจุบัน Ubuntu เปิดตัว ระบบปฏิบัติการที่ใช้งานใน SmartPhone แล้วนะคะ)
2. Iphone OS เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในโทรศัพท์ของ ไอโฟน
3. Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ใน แทปเลต Tablet และโทรศัพท์ประเภท smartphone
4. Symbian คือ ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบ ไร้สาย (Wireless) ช่วยในการส่งข้อมูลของโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก 


4.อุปกรณ์ใดชนิดใดต่อไปนี้ไม่สามารถเก็บแฟ้มภาพขนาด144 เมกะไบต์ได้
1. แผ่นดีวีดี
 2. แผ่นดิสเก็ต
 3. แผ่นซีดีอาร์
 4. แผ่นซีดีอาร์ดับบลิว

อธิบาย

1. แผ่นดีวีดี นี้จะมีความจุสูงกว่าตัวเลือกอีก 3 ข้อแน่นอนครับ ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบ

1.singleside single layer ความจุ 4.7 GB นิยมเรียก DVD 5
2.singleside dual layer ความจุ 8.4 GB นิยมเรียก DVD 9
3.dualside singlelayer ความจุ 9.4 GB นิยมเรียก DVD 10
4.dualside single+dual layer ความจุ 13.1 GB นิยมเรียก DVD 14
5.dualside duallayer ความจุ 16.8 GB นิยมเรียก DVD 18
6.Blu-ray Disc จะมีบางแผ่นสามารถบรรจุข้อมูลได้ทั้งสองหน้าซึ่งความจุโดยรวมจะมีมากถึง 100GB

2. แผ่นดิสเก็ต จะมีความจุเพียง 1.44MB

3. แผ่นซีดีอาร์ มีความจุอยู่ที่ 700MB

4. แผ่นซีดีอาร์ดับบลิว มีความจุเท่าแผ่น CD-R แต่สามารถเขียนแล้วลบใหม่ได้หลายครั้ง


3.ข้อใดเป็นระบบปฏิบัติการทั้งหมด

1. Unix , Mac OS , Microsoft Office
2. Linux , Windows , Mac OS , Symbian
3. PDA , WWW , Linux , Windows
4. BIOS , Symbian , IPX , RAM

อธิบาย

ขอสรุปเลยน่ะครับผม

1. Unix(OS), Mac OS(OS), Ms Office(General-Purpose)
2. Linux(OS), Windows(OS), Mac os(OS), Symbilan(OS)
3. PAD(Computer Hardware), WWW(Protocol), Linux(OS), Windows(OS)
4. Bios(Basic Input Output System), Symbian(OS), IPX(Protocol), Ram(Hardware)

หมายเหตุ :

OS - ระบบปฎิบัติการ
General-Purpose - ซอฟแวร์ใช้งานทั่วไป
Protocol - ภาษาที่ใช้สื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์
Basic Input Output System - ระบบพื้นฐานในการควบคุมอุปกรณ์เชื่อมต่อ ทั้ง เข้า และ ออก




-ขอขอบคุณ-




WEEK 5 : เรื่องที่เราสนใจ 2 [What kind of musical intrument do you like ?]

ตามหัวข้อเลยครับ
.
เพื่อนๆ ชอบเครื่องดนตรีอะไรกันบ้าง ???
.
.
สำหรับตัวผมเอง ผมชอบไวโอลินนะครับ เพราะว่าเสียงเพราะดี ให้ความรู้สึกผ่อนคลายดี
และนี่ก็คือเรื่องที่เราจะมานำเสนอในวีคนี้นั่นก็คือ "ไวโอลิน" ครับ


ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่กำเนิดเสียงในระดับเสียงสูง คือเสียงที่แหลมจนถึงต่ำปานกลาง เป็นเครื่องดนตรีจัดอยู่ในตระกูลไวโอลิน (Violin Family) เครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลินเมื่อนำมาเล่นรวมกันจะเรียกว่า "วงเครื่องสาย" (String Ensemble) และเป็นตระกูลเครื่องดนตรีหลักในวงออร์เคสตรา (Orchestra) ซึ่งประกอบไปด้วย ไวโอลิน วิโอลา เชลโล และดับเบิลเบส


งั้นตอนนี้เรามาดูประวัติของไวโอลินกันดีกว่าว่าเกิดมาได้ยังไง ????


คาดว่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลีช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ผลิตนั้นดัดแปลงมาจากเครื่องดนตรียุคกลาง 3 ชนิด อันได้แก่ เรเบค (rebec) ซอเรอเนซองซ์ (the Renaissance fiddle) และ ลีรา ดา บราชโช (lira da braccio) ซึ่งเครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับไวโอลิน แต่หลักฐานที่แน่นอนที่สุดก็คือ มีหนังสือที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับไวโอลินในปี พ.ศ.2099(ค.ศ. 1556) แล้ว โดยได้ตีพิมพ์ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส


ไวโอลินคันแรกของโลก !!!!


ถูกสร้างขึ้นโดย อันเดร์ อมาตี (Andrea Amati) ในช่วงครึ่งศตวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยการว่าจ้างของครอบครัวเมดิซี ซึ่งต้องการเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ต่อมาด้วยคุณภาพที่ดีของเครื่องดนตรีพระเจ้าชาลส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศสจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ อันเดร์ ประดิษฐ์ไวโอลินขึ้นมาอีก เพื่อมาเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงประเภทใหม่ของวงออร์เคสตราประจำของพระองค์ และไวโอลินที่เก่าแก่สุดและยังให้เห็นอยู่ คือไวโอลินที่ อันเดร์ ประดิษฐ์ขึ้นในเมืองเครโมนา (Cremona) ประเทศอิตาลี ซึ่งได้ถวายแด่ พระเจ้าชาลส์ที่ 4 เช่นกันตรงกับปี พ.ศ.2109 (ค.ศ. 1566)


แล้วส่วนต่างๆของไวโอลินเรียกว่าอะไรบ้างงง ??

โครงสร้างของไวโอลิน เรียงจากบนไปล่าง
  • ·         หัวไวโอลิน (Scroll)
  • ·         โพรงลูกบิด (Pegbox)
  • ·         คอ (Neck)
  • ·         สะพานวางนิ้ว หรือ ฟิงเกอร์บอร์ด (Fingerboard)
  • ·         (Upper Bout)
  • ·         เอว (Waist)
  • ·         ช่องเสียง (F-holes)
  • ·         หย่อง (Bridge)
  • ·         (Lower Bout)
  • ·         ตัวปรับเสียง (Fine Tuners)
  • ·         หางปลา (Tailpiece)
  • ·         ที่รองคาง (Chinrest)

ขนาดมาตรฐานของไวโอลินคือ ยาว 23.5 นิ้ว และ คันชักยาว 29 นิ้ว

เพิ่มเติม  ลำตัวของไวโอลินทำด้วยไม้ ประกอบด้วยแผ่นไม้เป็นจำนวนมาก ชิ้นที่อยู่ด้านหน้าทำด้วยไม้พรูซ ซึ่งไม้ชนิดนี้เป็นไม้เนื้ออ่อน มีลายละเอียดมาก แผ่นที่อยู่ด้านหลังใช้ไม้เมเปิล ไม้ชนิดนี้มีเนื้อแข็งกว่าไม้ชนิดแรก 

ต่อไปเราจะมาดูตัวโน้ต และคอร์ดของไวโอลินกันครับ ------- >



พยายามจำให้ได้ว่า A=La  B=Ti  C=Do  D=Re  E=Me  F=Fa  G=Sol
และพยายามจำตำแหน่งเสียงของแต่ละนิ้วให้คล่อง

ตัวอย่างผังการวางนิ้วในสเกลต่าง ๆ


การวางนิ้วก็วางเรียงนิ้วเรียงไป แต่ก็ควรตั้งเสียงไวโอลินก่อน   
จำเสียงของสาย A ตำแหน่งนิ้วหนึ่งเสียง B (ที) ให้แม่นด้วย
ในไวโอลินขนาด 4/4 ตำแหน่งนิ้วชี้จะอยู่ห่างจากท๊อปนัท
หนึ่งนิ้วฟุตโดยประมาณ หากแม่นเสียงสาย A แล้ว
สายอื่นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะช่วงการวางนิ้วจะเท่ากันทั้งสี่สาย











นี่ก็เป็นคอร์ดตัวอย่างนะครับเพื่อนๆคนใดที่สนใจในการเล่นไวโอลิน  หรือว่า  อยากจะศึกษาไว้ก็ได้นะครับ  ต่อไปเราจะนำคลิปที่ cover เพลงต่างๆโดยใช้ VIOLIN นะครับ รับรองว่าสุดยอดมากๆ

คนที่ cover ชื่อ JuN Curry Ahn เป็นคนที่ cover โดยใช้ไวโอลินเก่งมากๆเลนครับ

เพลง Someone  Like  You - Adele


อันนี้ เพลง Lrt it go ประกอบการ์ตูนดิสนเรื่อง Frozen


เพลง A Thousand years - Chritina Perri

อันนี้เพลงแซ่บที่สุด ผมก็ชอบมากด้วย เพลง Wreacking Ball - Miley Cyrus


สุดยอดจริงๆครับ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะครับ สำหรับคนที่ติดตามอยากติดตาม ก็สามารถหาดูได้ทาง Youtube นะครับ เอาไว้ผมเล่นเป็นได้เมื่อไหร่ แล้วจะคลิปมาอวดเพื่อนๆบ้าง 55555555

นี่แหละครับ ไวโอลิน เครื่องดนตรีที่ผมชอบสามารถให้เสียงเพลงออกมาได้หลายรูปแบบจนผมต้องหลงรักเครื่องดนตรีชนิดนี้ แล้วเครื่องดนตรีของเพื่อนๆหละครับมีอะไรกันบ้าง  อย่าลืมเอามาบอกกันในเม้นด้วยนะครับบบ  :)


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆ

WEEK 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์[ภาษาซีชาร์ป (C#)]

ภาษา C#  (ภาษาซีชาร์ป)


สวัสดี สวีดัส ครับ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วนะครับที่ผมเขียนบล็อกนี้  และในครั้งนี้นะครับผมจะมานำเสนอเกี่ยวกับภาษาของคอมพิวเตอร์นะครับและภาษาที่จะนำมาเสนอวันนี้ก็คือ

ภาษาซีชาร์ป  C# 

ว่าแต่ภาษาซีชาร์ปคืออะไรกันนะ ???? งั้นเรามาทำความรู้จักภาษา ซีชาร์ปกันครับ

ภาษาซีชาร์ป (C#) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภท  object-oriented programming พัฒนาโดย  Microsoft โดยมีจุดมุ่งหมายในการวมความสามารถการคำนวณของ C++ ด้วยการโปรแกรมง่ายกว่าของ Visual Basic โดย C# มีพื้นฐานจาก C++ และเก็บส่วนการทำงานคล้ายกับ Java 
     C#
ได้รับการออกแบบให้ทำงานกับ .NET platform ของ Microsoft จุดมุ่งหมายคือ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและบริการผ่านเว็บ และทำให้ผู้พัฒนาสร้างโปรแกรมประยุกต์ในขนาดกระทัดรัด C# ทำให้โปรแกรมง่ายขึ้นผ่านการใช้ Extensible Markup Language (XML) และ Simple Object Access Protocol (SOAP) ซึ่งยอมให้เข้าถึงอ๊อบเจคของโปรแกรมหรือเมธอด โดยปราศจากความต้องการให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนคำสั่งเพิ่มในแต่ละขั้นตอน เนื่องจากผู้เขียนโปรแกรมสามารถสร้างบนคำสั่งที่มีอยู่ แทนที่การคัดลอกซ้ำ C#  ภาษา C# ถูกพัฒนาขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ .NET Framework เป็นการการนำข้อดีของภาษาต่างๆ (เช่นภาษา Delphi , ภาษา C++) มาปรับปรุงเพื่อให้มีความเป็น OOP (โปรแกรมเชิงวัตถุ) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนในโครงสร้างของภาษาลง (เรียบง่ายกว่าภาษา C++) และมีสิ่งที่เกินความจำเป็นน้อยลง (เมื่อเทียบกับ Java)
     C#
ถูกรับรองจากหน่วยงาน ECMA (หน่วยงานกำหนดมาตรฐานสากลด้านสารสนเทศ) และ ISO และปัจจุบันไมโครซอฟท์ยังพัฒนาภาษานี้อย่างต่อเนื่อง (ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 3.0)


แล้วใครที่เป็นคนสร้างภาษา C#

ผู้สร้างภาษา C# คือบริษัทไมโครซอฟท์ แต่บิดาของภาษา C# คือ Anders Hejlsberg
(
แอนเดรส ฮาเยสเบิร์ก) ไมโครซอฟท์ต้องการให้ภาษา C# เป็น อะไรที่จะอยู่ไปอีกนานเหมือนบริษัทรถยนต์โฟลค์ที่จ้าง Ferdinand Porsche (เฟอร์ดินันด์ พอร์ช) นักออกแบบรถยนต์มือดีมาออกแบบรถโฟลคเต่า (เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง) ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์คลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน ในทำนองเดียวกันเมื่อต้องการภาษาที่ต้องการให้กลายเป็นภาษา คลาสสิกบริษัทไมโครซอฟท์ตัดสินใจมอบหมายให้ Hejlsberg บรมครูนักออกแบบภาษา ผู้เคยสร้างภาษาที่กลายเป็นตำนานมาแล้วเช่น Turbo Pascal และผู้นำในทีมสร้างภาษา Delphi
ใครๆ ก็สร้างภาษาใหม่ได้ไม่ยาก แต่ภาษาที่ดีจริงๆ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับภาษา C# Hejlsberg ไม่เพียงสร้างภาษาที่ใช้งานได้ดีเท่านั้น เขายังเน้น ความมีรสนิยมและ ความสง่างามเพราะต้องการให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมภาษา C# ได้อย่างมีความสุข
Anders Hejlsberg บิดาของภาษา C#

เปรียบเทียบภาษา C# กับภาษาอื่นๆ
     1.ถ้าพูดถึงความใกล้เคียงกับภาษาอื่นๆ ภาษา C# ใกล้เคียงกับภาษา Java มากที่สุด โดยมีความเหมือนกันถึง 70% ดั้งนั้นนักเขียนโปรแกรมภาษา Java จึงอาจย้ายมาเขียนภาษา C# ได้โดยศึกษาว่ามีสิ่งใดที่แตกต่างกันบ้าง ภาษา C# ยังมีความคล้ายคลึงกับภาษ C++.NET และภาษา VB.NET เป็นอย่างมาก ทำให้นักเขียนโปรแกรมภาษา C# สามารถอ่าน-เขียนโค้ดในภาษากลุ่มนี้ได้เมื่อฝึกฝนเพียงเล็กน้อย
     2.C# และภาษา Java ทั้งคู่เป็นแบบสืบจากคลาสหลักได้คลาสเดียว ขณะที่ภาษา C++ สามารถสืบจากคลาสหลักได้มากกว่าหนึ่ง (Multiple inheritance) โดยภาษา C# และภาษา Java ใช้ Interface มาทดแทน Multiple inheritance เหมือนกันทั้งคู่
     3.สิ่งที่ภาษา C# และ Java มีร่วมกันคือเรื่อง Garbage Collection แต่ไม่มีใน C++ จึงทำให้ดูเหมือนว่าภาษา Java ต่อยอดมาจากภาษา C++ และ C# ต่อยอดมาจาก Java อีกที ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทั้ง Java และ C# มีต้นสายมาจาก C++ ทำให้สองภาษานี้ดูคล้ายกัน แต่ภาษา C# ไม่ใช่ภาษา Java มันมีกลไกที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง เช่น พารามิเตอร์แบบ reference และ output การจัดเก็บ object ไว้ใน stack (struct) การทำ Versioning และยังมีสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นข้อดี เช่น delegate, properties และ operator overloading ซึ่งจะไม่พบในภาษา Java


จุดเด่นของภาษา C#


เป็นรูปแบบของภาษาที่ทำงานเป็นลำดับ(Sequential)และต้องผ่านการแปลงไฟล์ให้อยู่ในรูปแบบ
พร้อมใช้งานหรือ EXE file (ที่เรียกว่าการ Compile) เช่นเดียวกับภาษา C โดย C# เป็นภาษาที่ถูกผลักดัน
โดยบริษัทไมโครซอฟท์ให้ออกมายิ่งใหญ่โดยมีจุดเด่นดังนี้

1.Component oriented - เป็นภาษาที่เน้นชิ้นส่วนโดยถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถนำมาใช้ต่อกันเป็นอะไรก็ได้

2.เป็นภาษา ที่ทนทาน (robust) - ทนต่อความผิดพลาด ไม่ทำให้ระบบแฮงก์หรือระบบทำงานช้า เพราะ C# มีข้อดีคือ garbage collection , exception , type-safety และ versioning

3.ภาษา C# จัดเตรียมกลไกไว้หลายอย่างที่ช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถนำโค้ดที่เขียนไว้ใน ?โปรเจค? หนึ่งไปใช้กับอีกโปรเจคหนึ่งได้ง่าย นอกจากนั้นภาษา C# ยังสามารถเรียกใช้คลาสหลายพันคลาสใน .NET Framework ได้โดยตรง ทำให้ลดเวลาการพัฒนาซอฟท์แวร์ได้มาก

4.เขียนคล่อง C#มีเครื่องมือในการช่วยเขียนอย่าง Visual Studio ที่มีฟีเจอร์ในการไฮไลท์โค้ด และส่วนช่วยในการเขียนโปรแกรมที่สะดวกมาก

5.เขียนง่ายจุดเด่นของตัวแปรและอ๊อบเจ็กต์บน C# เด่นชัดในเรื่องของการจัดการคุณสมบัติ (Properties) และการตั้งค่าเริ่มต้นที่ช่วยให้สามารถพัฒนาระบบได้สะดวกรวดเร็วขึ้น 

6.อ่านง่าย การจัดระเบียบโดยตัว Visual Studio เป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ คุณเขียนโค้ดไปซักพักหนึ่ง จะเริ่มรู้สึกลายตากับย่อหน้าที่งงๆ แต่ Visual Studio โดยปกติเมื่อจะจัดการกับย่อหน้าทั้งหมดเหล่านั้นให้อยู่ในระเบียบสะอาดตาที่สุดเลยทีเดียว

7.เป็นอ็อบเจ็กต์ เนื่องจากภาษา C# นั้นมีแม่แบบมาจากภาษา Java ซึ่งจุดเด่นคือการทำทุกสิ่งให้เป็นวัตถุ (Object) ทำให้สามารถเขียนและพัฒนาได้ง่าย

8.ประสิทธิภาพสูง C# เป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นมาภายใต้ .NET Framework ซึ่งสามารถดึงเอาความสามารถของเทคโนโลยีบน .NET ออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

9.สามารถทำงานระดับลึก ภาษา C# สามารถทำงานกับหน่วยความจำรวมถึงระบบคอมพิวเตอร์ในระดับลึก โดยผ่าน พอยเตอร์ (Pointer) หรือทำงานกับโปรโตคอล TCP/IPที่ต่ำกว่าระดับ4ได้

10.เน้นที่ XML C# ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับXMLได้อย่างราบรื่นที่สุดด้วยความช่วยเหลือของ .NETFramework

11.คุณสมบัติGeneric type ช่วยยืดหยุ่นในการประกาศตัวแปล

12.เทคโนโลยี LINQ ช่วยในการทำงานกับฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายการใช้งาน

ภาษา C# เป็นภาษาที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษา C เช่นเดียวกับ C++ และถูกพัฒนาขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ .NET Framework ซึ่งเป็นการนำข้อดีของภาษาต่างๆ เช่น Delphi , C++ มาปรับปรุงเพื่อให้มีความเป็น OOP อย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็พัฒนาให้มีความเรียบง่ายกว่าภาษา C++ นอกจากนี้ ภาษาC# ใช้การเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อน เช่น โปรแกรมควบคุมฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมเกมสามมิติ เพราะ .NET จะมีภาษาให้เลือกใช้หลายสิบภาษา แต่ภาษา C# เป็นพื้นเมืองของ .NET เมื่อค้นใน web จะพบข้อมูลและตัวอย่างโค้ดเป็นภาษา C# มากกว่าภาษาอื่น 



ตัวอย่างการเขียน C#


ตัวอย่างต่อไปนี้ คือตัวอย่างโปรแกรม Hello world ใน C#:

public class ExampleClass
{
    public static void Main()
    {
        System.Console.WriteLine("Hello, world!");
    }
}


ผลของการทำงานคือมีการแสดงคำว่า Hello, world! ในหน้าต่างคอนโซล โดยในแต่ละบรรทัดมีความหมายดังนี้:

public class ExampleClass


บรรทัดนี้คือการประกาศ Class, public หมายถึงวัตถุที่สร้างในโครงการ (Project) อื่นๆ สามารถเข้าใช้งาน Class นี้ได้ ไม่จำกัด. ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ผ่านใต้หน่วยของบรรทัดนี้ จะใช้ในการทำงานของ Class นี้

public static void Main()


บรรทัดนี้เป็นจุดที่ใช้ในการเริ่มการทำงานของโปรแกรม เมื่อโปรแกรมทำงาน โดยสามารถเรียกใช้จากโปรแกรมอื่นได้โดยการใช้ไวยากรณ์ ExampleClass.Main() . (public static void เป็นส่วนที่ใช้ในการทำงาน ซึ่งต้องเรียนรู้ในการเขียนขั้นสูง)

System.Console.WriteLine("Hello, world!");


ในบรรทัดนี้ เป็นการทำงาน เพื่อแสดงผลออกมา Console คือโปรแกรมระบบ, ซึ่งก็คือ โปรแกรมระบบแบบสั่งคำสั่งที่ละบรรทัด (เช่น DOS) ที่สามารถรับข้อมูลและแสดงผลเป็นข้อความได้. จากที่เราเขียนโปรแกรมจะทำการเรียก Console โดยใช้คำสั่ง WriteLine, ซึ่งทำให้สามารถส่งค่าข้อความออกมาแสดงผลได้

และนี่ก็เป็นภาษาซีชาร์ปที่เราเอามานำเสนอกันในวันนี้ครับ หากมีอะไรที่อยากให้เพิ่มเติมบอกได้ในคอมเม้นเลยนะค้าบ 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อกนะค้าบบบ

แหล่งอ้างอิง